เรื่องราว สวนสุนันทาในอดีต
วันนี้ผู้เขียน จะพารู้อีกมุนของมหาลัยสวนสุนันทา จากที่ผู้เขียนได้ มีประสบการณ์ทำหนังสือพิมพืกำแพงแดงมา และได้ สัมภาษณ์ผู้ที่เคยอยู่ตั้งแต่เริ่มแรกที่เป็นสวนสุนันทามาเลย วันนี้เลยอยากมาถ่ายทอดให้ฟังกันอีกสักครั้งเพื่อใครต้องการจะรู้เรื่องเล่าเหล่านี้
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ ในสวนสุนันทาหวั่นเกรงภัยจากการเมือง จึงได้ทะยอยกันออกไปจากสวนสุนันทาจนหมด บางพระองค์ได้เสด็จออกไปอยู่หัวเมืองและหลายพระองค์เสด็จลี้ภัยการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ โรงเรียน ‘นิภาคาร’ จึงเลิกดำเนินการไปโดยปริยาย นับแต่นั้นมาสวนสุนันทาที่เคยงดงามก็ถูกทอดทิ้ง ขาดการดูแลเอาใจใส่ ตำหนักต่างๆ ชำรุดทรุดโทรมเป็นอันมาก
![]() |
โรงเรียน ‘นิภาคาร’
|
ต่อมา ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ วิทยาลัยครูสวนสุนันทา สหวิทยาลัยรัตนโกสินทร์ ได้เปลี่ยนเป็น มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย ผศ.ดร. ปรางค์ศรี พาณิชกุล อธิการบดีคนแรก ซึ่งท่านได้มีการปรับปรุงการเรียนการสอน และคณะวิชาการเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับกระทรวงศึกษาธิการ จึงเปิดสอนในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท ในภายหลัง
อาจารย์ แจ่มจันทร์ ทองเสริม อดีตรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยครูสวนสุนันทา อดีตนักศึกษาโรงเรียนสวนสุนันทาวิทยาลัย บอกเล่าประสบการณ์ในรั้วสวนสุนันทา ที่ยังคงชัดเจนในความทรงจำของท่านเสมือนเป็นเหตุการณ์พึ่งผ่านไปไม่นานด้วยความภูมิใจ เพราะที่นี่จัดได้ว่าเป็นเป็นสถาบันอันดับต้น ๆ ของวิทยาลัยครูในประเทศไทย
ท่านเล่าถึงเรื่องในอดีตพร้อมเสียงหัวเราะเมื่อนึกย้อนกลับไปตอนนั้น ในสมัยนั้นสวนสุนันทาไม่มีขนมขาย ถ้าใครอยากซื้อต้องพายเรือไปที่โรงเรียนการเรือน ซึ่งเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ ตอนกลางวันต้องพายเรือออกไปซื้อขนมเขามาเพราะออกประตูไม่ได้ก็ต้องนั่งเรือพายไปที่โรงเรียนการเรือน ซึ่งเป็นส่วนของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตในปัจจุบัน ตรงหัวมุมที่มีต้นไทร (สะพานเข้าคณะมนุษย์ศาสตร์) ในสมัยที่ท่านเรียนนั้นก็จะมีการตั้งชื่อเรียกให้เพื่อนใหม่ อาทิเช่น อ. สุนีย์ สินธุเดชะ เข้ามาเรียนตอนปี ๑ ก็ร้องไห้บ่อย ๆ ทุกวัน เลยเรียกกันว่าไอ้แหง่ ประมาณมาเป็นลูกแหง่ ก็เลยเรียกกันแบบนี้ หรือในช่วงที่ ได้แสดงละครซึ่งเป็นงานละครประจำปี ท่านได้แสดงเป็น เสนา อำมาตย์ ฯลฯ ในละครเรื่อง พระนล ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในรัชการที่ ๖ ท่านเป็นที่สนุกสนานในช่วงชีวิตหนึ่งครั้งนั้น
ท่านยังให้ความเห็นว่าในสมัย รศ. ดร. ช่วงโชติ พันธุเวช เป็นอธิการบดีนั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด เพราะว่าเกิดการแข่งขันในระดับการศึกษาเดียวกันมากที่สุดและต้องคงรักษาวิทยาลัยให้คงอยู่ได้เนื่องจากช่วงนั้นเงินอุดหนุนจากรัฐบาลไม่เพียงพอ แต่อันที่จริงแล้ว ทางวิทยาลัยก็มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
สุดท้ายนี้ ในอดีตสถานศึกษาเป็นที่น่าพอใจ แต่มันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา การที่เป็นมหาลัยราชภัฎอันดับ ๑ นั้นง่าย แต่ถ้าจะรักษาความเป็นที่ ๑ นั้นยากกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรักเป็นอันดับแรก อยากให้นักศึกษาและอาจารย์ทุกคน รักสวนสุนันทา มีพฤติดี มีจริยธรรม มีความปรองดอง มีความรักใคร่ต่อกัน จะทำให้มหาวิทยาลัยเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น อยากให้คงความเป็นเอกลักษณ์ของสวนสุนันทาเอาไว้ และอยากให้มีการกีฬามากขึ้น การเล่นกีฬาเป็นสิ่งสำคัญมาก อยากให้นักศึกษาออกกำลังกายกันบ้าง ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความสามัคคี ทำให้รักกัน


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น